อาสาชัยนาท…..
สวัสดีปีใหม่ครับเพื่อนๆ ผมหายไปนาน
กลับมานี้ก็มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง
ประมาณกลางๆ เดือนธันวาปีที่แล้ว
ผมและทีมงานได้มีโอกาสออกเดินทาง
เพื่อนำความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ไปให้ก้บเกษตรกร กระดูกสันหลังของชาติ ก็เช่นเคยครับ
ผมได้รับการประสานงานจากต๋องเช่นเดียวกับคราวที่ไปลพบุรี
แต่คราวนี้พิเศษกว่าตรงที่ต๋องเขาร่วมเดินทางไปกับทีมงานเราด้วย ที่เรียกว่าทีมงานก็เช่นเดิมครับมีผม อาวดี
และอาฟอร์ด
ในการเดินทางครั้งนี้เราได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมคุณขวัญเมืองเจ้าของสวนกระท้อนขวัญเมือง ลพบุรีด้วยครับ เพื่อนๆ คงพอจะจำได้นะครับ ตอนนี้ขอติดไว้ก่อนนะครับ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง
มาเข้าเรื่องครับ การเดินทางอาสาของทีมเราครั้งนี้ เราไป…ชัยนาทครับ…
ก็ไกลออกไปอีกหน่อย
จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ก็เช่นเดียวกับคราวที่แล้วครับ คือตั้งใจอาสาช่วยเหลือฟื้นฟูเรือกสวนไร่นาหลังภาวะน้ำท่วม และเป็นกำลังใจส่วนหนึ่งให้แก่เกษตรกรด้วย อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือได้ทั้งหมด แต่เราก็ช่วยเต็มที่เท่าที่กำลังความสามารถเรามี
ไม่แน่ครับอนาคตเราอาจจะได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนๆ
ที่สนใจเช่นเดียวกับเรา นอกจากต๋องแล้วการเดินทางครั้งนี้จะสำเร็จไปไม่ได้หากไม่ได้รับการแนะนำจากพี่ดวงพร ซึ่งผมก็ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยที่ช่วยแนะนำและติดต่อประสานงานกับทางกำนันแห่งสรรพยา
ทำให้การเดินทางของเราครั้งนี้ค่อนข้างราบรื่น ในส่วนพี่ดวงพรเป็นใครอย่างไรนั้น ผมขอมอบเป็นหน้าที่ของทางต๋องแล้วกันครับที่จะแนะนำให้เพื่อนๆ
รู้จักในโอกาสต่อไป เนื่องจากผมก็เพิ่งจะเคยพบพี่ดวงพรครั้งนี้เป็นครั้งแรกแหละครับ
พวกเราไปถึงสถานที่นัดหมายประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ไปถึงช้ากว่านัดหมายนิดหน่อย เนื่องจากเราไม่ค่อยชินกับเส้นทางเท่าใดนัก ดังนั้นเมื่อไปถึงเราก็จะพบชาวบ้านนั่งรอเราอยู่แล้วประมาณร่วม
20 คนเห็นจะได้ ก็ต้องขอขอบคุณพี่กำนันไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่ได้ช่วยกระจายข่าวการมาของเราและประสานงานอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่ชุมนุมนี้ด้วย ตอนไปถึง
ผมก็ค่อนข้างอึ้งและแปลกใจเป็นอย่างมากเนื่องจากผมเห็นคราบรอยน้ำสีน้ำตาลอ่อนๆ
คล้ายๆ กับที่เห็นที่กรุงเทพหลังน้ำลด
ที่แปลกใจเนื่องจากระดับแนวคราบน้ำนี้อยู่สูงกว่าหัวผมอีกครับ แสดงว่าอย่างน้อยๆ ความสูงของน้ำท่วมก็ร่วมๆ 2 เมตรได้ครับ ไม่หนีจากนี้นัก เนื่องจากผมเองก็สูงประมาณ 170 กว่าๆ แล้ว นอกจากแนวคราบน้ำที่อยู่เลยหัวแล้วที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งก็คือ
ทางด้านข้างของที่ชุมนุมนี้เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งตอนนี้ระดับน้ำคะเนด้วยสายตาอยู่ต่ำกว่าพื้นที่ผมยืนประมาณตึก 4-5 ชั้นได้ ก็น่าจะประมาณ 10
กว่าเมตร ก็เป็นที่สงสัยว่าก่อนหน้านี้น้ำมาจากไหน แล้วตอนนี้น้ำหายไปไหน????? ก็สงสัยไปงั้นแหละครับ เพื่อนๆ บางคนอาจจะมีคำตอบ ก็ไม่เป็นไรครับ รู้หรือไม่รู้คำตอบก็ไม่แตกต่าง ยังไงก็น้ำท่วมไปแล้ว เรามาเข้าเรื่องต่อครับ หลังจากที่พูดคุยคร่าวๆ
กับชาวบ้านก็ได้ความว่าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะเป็นเกษตรกรปลูกข้าว และถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมด ซึ่งแน่นอนครับ เสียหายมากมาย
พอได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว
ทีมเราก็เริ่มบรรยายเกี่ยวกับไฮโกร
เริ่มจากที่มา
ตามด้วยวิธีการใช้ อัตราส่วนผสม ช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมกับการฉีด
การเลือกใช้ไฮโกรให้ตรงกับช่วงเวลาการเติบโตของต้นข้าว ก็ไม่ยากครับ
อธิบายง่ายๆ ดังนี้
เริ่มจากข้าวเปลือกก็ใช้ Hygro S จนเริ่มตั้งท้องออกรวงก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้
Hygro L ง่ายๆ แค่นี้เอง ไม่ต้องมีวีธีการใช้อะไรให้สลับซับซ้อน ชาวบ้านแต่ละคนก็ตั้งอกตั้งใจฟังกัน ก็คงเข้าใจกันทุกคน ก่อนแยกย้ายเราก็ได้ทำการแจก Hygro ทั้งสองแบบเพื่อให้ได้นำไปใช้กัน อย่างน้อยก็ช่วยประหยัดค่าปุ๋ยไปได้บ้าง หลังจากที่เพิ่งประสบภาวะน้ำท่วมมา นอกจากนี้ยังเป็นผลดีกับผู้ใช้ เป็นผลดีกับผืนดินที่ใช้ ตลอดจนเป็นผลดีกับผู้บริโภคอย่างเราๆ ด้วย เพราะ Hygro
เป็นสารอินทรีย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารเคมีตกค้าง
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าหากใช้ Hygro ที่เราแจกให้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการกลายเป็นข้าว
เกษตรกรน่าจะได้รับผลผลิตหรือผลตอบแทนที่ค่อนข้างน่าพอใจ
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงผมและทีมงานคงจะดีใจอย่างมากที่ช่วยให้เกษตรกรยิ้มได้ แล้วผมจะติดตามผลมาเล่าสู่กันฟังต่อไปครับ ก็คงขอจบทริปชัยนาท1 เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ……
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น